ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
มีลมฤดูหนาวพัดผ่านจากทิศเหนือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
และช่วงเดือนมีนาคมถึงตุลาคมก็จะมีลมฤดูร้อนพาดผ่านมาจากทิศใต้
ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นเกือบตลอดปี
คนจีนจึงมักจะสร้างบ้านเรือนหันหน้าลงใต้ เช่น พระราชวังต้องห้ามแห่งกรุงปักกิ่ง
ซึ่งมีทิศหลังพิงเกือบ 0 องศาเหนือ
ซินแสจีนโบราณ มีคำกล่าวไว้ว่า “หน้าน้ำ หลังภูเขา” แอบแฝงไปด้วยเรื่องราวมากมาย เพราะโบราณเลือกใช้ทางคมนาคมทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ จึงเลือกใช้คำว่า น้ำ และในอดีตมีศึกสงครามประชิดเมืองอยู่ตลอด จึงจำเป็นต้องเลือกชัยภูมิเมืองหลวงที่มีหลังพิงภูเขาขนาดใหญ่น้อยลดหลั่นไปตาม “ศักดิ์” ของอาณาจักรนั้นๆ
ซินแสจีนโบราณ มีคำกล่าวไว้ว่า “หน้าน้ำ หลังภูเขา” แอบแฝงไปด้วยเรื่องราวมากมาย เพราะโบราณเลือกใช้ทางคมนาคมทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ จึงเลือกใช้คำว่า น้ำ และในอดีตมีศึกสงครามประชิดเมืองอยู่ตลอด จึงจำเป็นต้องเลือกชัยภูมิเมืองหลวงที่มีหลังพิงภูเขาขนาดใหญ่น้อยลดหลั่นไปตาม “ศักดิ์” ของอาณาจักรนั้นๆ
ศาสตร์ฮวงจุ้ยแต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อ
“ชนชั้นนำ” แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาชัยภูมิเมืองสมัยใหม่ยุคหลัง
จึงต้องประยุกต์ใช้งานศาสตร์ฮวงจุ้ยให้เข้ากับ “คนทั่วไป”
จึงเกิดศาสตร์เชิงปฏิบัติงานขึ้นมา ซึ่งก็พัฒนามาจากตำราพิชัยสงครามในเรื่องการเลือกชัยภูมิ
“ตั้งค่าย” ฐานที่มั่นในการสงครามที่ยืดเยื้อ
ตำราสมัยหลังเลือกใช้นิยามที่คนทั่วไปฟังแล้วเกิดความเข้าใจที่ง่ายแต่ยังทรงไว้ซึ่งความขลัง
ศาสตร์ฮวงจุ้ย แบ่งส่วนล้อมรอบอาคารเป็น 4 ด้าน คือ ด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านซ้ายและด้านขวาของอาคาร
ถ้าสังเกตจวนของขุนนางคหบดีมีชื่อในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน มักจะมีกำแพงล้อมรอบ เกิดเป็น “หมู่ตึก” ซึ่งก็เปรียบกับการตั้งค่ายพักแรมของทหารจีนยุคโบราณ ในอาณาบริเวณจะมีกลุ่มอาคาร คือ ทิศเหนืออาคารประธาน อาคารตรงกลาง (หากด้านหลังจวนเป็น “ภูเขา” บางจวนเว้นไว้เป็น ส่วนเปิดโล่ง ส่วนรับแขก หรือเป็นจุดฝึกซ้อมหรือรวมพล) อาคารซ้ายและขวา ส่วนด้านใต้มักจะทำเป็นประตู “ทางเข้า” ที่สอดรับไปกับถนนที่ใช้สัญจรทางบก
ศาสตร์ฮวงจุ้ย แบ่งส่วนล้อมรอบอาคารเป็น 4 ด้าน คือ ด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านซ้ายและด้านขวาของอาคาร
ถ้าสังเกตจวนของขุนนางคหบดีมีชื่อในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน มักจะมีกำแพงล้อมรอบ เกิดเป็น “หมู่ตึก” ซึ่งก็เปรียบกับการตั้งค่ายพักแรมของทหารจีนยุคโบราณ ในอาณาบริเวณจะมีกลุ่มอาคาร คือ ทิศเหนืออาคารประธาน อาคารตรงกลาง (หากด้านหลังจวนเป็น “ภูเขา” บางจวนเว้นไว้เป็น ส่วนเปิดโล่ง ส่วนรับแขก หรือเป็นจุดฝึกซ้อมหรือรวมพล) อาคารซ้ายและขวา ส่วนด้านใต้มักจะทำเป็นประตู “ทางเข้า” ที่สอดรับไปกับถนนที่ใช้สัญจรทางบก
ศาสตร์ฮวงจุ้ย แบ่งส่วนล้อมรอบอาคารเป็น 4
สัตว์เทพคือ
ด้านหน้า เรียก หงส์แดง ด้านหลัง เรียก เต่าดำ ด้านซ้าย เรียก มังกรเขียว
และด้านขวา เรียก เสือขาว
สีประจำสัตว์เทพ เพราะยึดจากตำราดั้งเดิมคือ
หันหน้าลงใต้อย่างเดียว หนึ่งด้านหน้าจึงใช้สีประจำทิศใต้ธาตุไฟคือสีแดง สองด้านหลังพิงทิศเหนืออย่างเดียวจึงใช้สีดำธาตุน้ำ
สามด้านซ้าย จึงหมายถึง ทิศตะวันออก สีประจำทิศธาตุไม้สีเขียว และสี่ด้านขวา
หมายถึงทิศตะวันตก สีประจำทิศธาตุทองสีขาว
ทำไมทิศตะวันออกจึงเป็นธาตุไม้สีเขียว
เพราะเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า ดอกไม้ใบหญ้าก็จะผลิดอกออกใบขานรับแสงอรุณรุ่งกันถ้วนหน้า คนจีนมองเห็นเป็นลักษณะของธาตุไม้ที่เด่นชัดที่สุด
เพราะเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า ดอกไม้ใบหญ้าก็จะผลิดอกออกใบขานรับแสงอรุณรุ่งกันถ้วนหน้า คนจีนมองเห็นเป็นลักษณะของธาตุไม้ที่เด่นชัดที่สุด
ทำไมทิศตะวันตกจึงเป็นสีขาวธาตุทอง
เมื่อพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ต้นไม้ใบหญ้าก็ดูราวกับจะสลดหดหู่ไปกับแสงเงินแสงทองสุดท้ายของวัน พากันหุบดอกหุบใบประหนึ่งโดนเทพรัตติกาลนำกรรไกรมาตัดแต่งกิ่งใบไปเสียนั้น นี่จึงเป็นที่มาของลักษณะของธาตุทองสีขาวสีเงินสีทอง อีกทั้งยามอัสดง สุริยเทพก็เหมือนดั่งขับราชรถขนาดใหญ่มุดหายดำดิ่งลงสู่พสุธาเร็วปานสายฟ้าฟาด
เมื่อพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ต้นไม้ใบหญ้าก็ดูราวกับจะสลดหดหู่ไปกับแสงเงินแสงทองสุดท้ายของวัน พากันหุบดอกหุบใบประหนึ่งโดนเทพรัตติกาลนำกรรไกรมาตัดแต่งกิ่งใบไปเสียนั้น นี่จึงเป็นที่มาของลักษณะของธาตุทองสีขาวสีเงินสีทอง อีกทั้งยามอัสดง สุริยเทพก็เหมือนดั่งขับราชรถขนาดใหญ่มุดหายดำดิ่งลงสู่พสุธาเร็วปานสายฟ้าฟาด
คนจีนโบราณมีอุบายแยบคาย
สามารถเปรียบเปรยสิ่งรอบตัวแล้วแทนค่าด้วยสิ่งอุปมาอุปไมยที่ฟังดูแสนเรียบง่ายรื่นหูแต่กลับแอบแฝงด้วยคติข้อคิดที่หยั่งยาก
หากเปรียบกับการจะสร้างแบรนด์ให้ติดใจผู้คนได้อย่างยาวนานก็ควรจะเลือกการออกแบบสัญลักษณ์ของสิ่งที่ต้องการนำเสนอได้อย่างสุนทรีย์เช่นดั่งปราชญ์จีนโบราณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น